Translate

การตลาดบทที่5

ปัญหาหลังจากนั้น 5-8ปี
เกษตรกรรู้หรือไม่ว่าหลังจากมะนาวมีอายุได้5-8ปี
5ปีสำหรับมะนาวกิ่งตอน
8ปีสำหรับมะนาวเสียบยอด ไม่เกิน10ปี

เมื่อถึงเวลาเราจะต้องมีการรื้อสวนท้ิง!!!!!!! อย่าตกใจครับ
ทำไมต้องรื้อสวน?
ตอบเมื่อต้นมะนาวมีอายุมากขึ้นกระบวนการผลิตก็จะลดลงตามอายุขัย ต้นไม้จะโทรม  และจะไม่ให้ผลผลิตอีกต่อไป หรือให้ก็ให้ไม่มาก ผลเล็กลง ก็เหมือนกับคนแก่ตัวไปก็เริ่มไม่มีประโยชน์ (อันนี้แค่พูดขำๆ) พวกเราเข้าใจกันดีว่าต้องมีการรื้อสวน และปัญหามันอยู่ตรงนี้นี่เอง
1การรื้อสวนจำต้องใช้แรงงานคน
2การรื้อสวนหมายถึงการเริ่มต้นใหม่ ลงทุนใหม่
3การรื้อสวนระหว่างช่วงรอระยะเวลาต้นเติบโต ทำให้เราขาดรายได้

สรุปง่ายๆการรื้อสวนต้องใช้ทุนมาก ไหนจะหาคนมาเอาต้นไม้ออกจากบ่อ ไหนจะกำจัดต้นไม้เก่า ไหนจะเริ่มต้นปลูกใหม่ ซึ่งล้วนแต่ใช้เงินทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเกษตรกรทุกคนต้องมีการวางแผนระยะยาว เริ่มจาก หากปีแรกเรามีรายได้หลังจากหักต้นทุนก็ควรจะเก็บเงินสวนหนึ่งไว้สะสมเพื่อการรื้อสวนและเริ่มต้นใหม่

ตัวอย่าง
นาย ก มีสวนมะนาว 1ไร่ ลงทุนไป 200,000 บาท คาดว่าจะคืนทุนกู้ในอีก3ปี
นาย ก มีรายได้จากการขายมะนาวปลอดสารเพื่อส่งออกเฉลี่ย  300,000 บาทต่อปี
นาย ก หักรายได้เพื่อคืนทุนปีละ 70,000 บาทเพื่อคืนผู้ให้กู้ยืม ใช้เวลา 3ปี จึงคืนทุนกู้หมด
นาย ก เหลือเงินสวนมะนาว 230,000 ต่อปี
นาย ก ดำเนิการทำสวนมะนาวผสมผสาน ได้รายได้จากพืชแซมสวน ผัวสวนครัว ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้จากการเลี้ยง ผึ้ง แพะ วัว ปลา ไก่ ปีละ 100,000 บาท
ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของนาย ก ปีละ150,000-200,000
นาย ก มีเงินเก็บสำรอง ปีละ 130,000-180,000 บาท

นาย ก แบ่งเงินเก็บเป็นสามส่วน
ส่วนหนึ่ง หัก50%ของเงินเก็บ เอาไว้เพื่อขยายกิจการ โดยนำไปลงทุนในกองทุนต่างๆที่ให้ผลตอบแทน
ส่วนที่สอง หัก 20 % เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน เร่งด่วน เช่น ลูกเกเรถูกจับต้องใช้เงินประกันตัว นำไปลงทุนในกองทุนเช่นกัน
ส่วนที่สาม หัก20 % เพื่อเป็นเงินใช้ในชีวิตสูงอายุ เมื่อนาย ก ไม่สามารถทำงานได้ นำไปลงทุนในกองทุนเช่นกัน
อีกหนึ่งส่วน หัก 10% เพื่อใช้ต่อยอดสวนมะนาวในอีก 8 ปีข้างหน้า โดยนำไปลงทุนในกองทุนเช่นกัน
นาย ก หักเงินไว้ปีละ 10,000 เพื่อไว้รื้อสวนในอีก 8 ปีข้างหน้าโดยนำไปลงทุนในตลาดหุ้นความเสี่ยงต่ำเพื่อเพิ่มผลกำไร 10,00 x 8  = 80,000+ผลกำไร คาดว่าน่าจะถึง 100,000 บาท 

**สาเหตุที่แนะนำไปลงุทนในกองทุนนั้น ก็เพราะการที่เราจะนำเงินไปฝากธนาคารตากปกติมันไม่ได้ทำให้เราได้ดอกเบี้ยไปมากกว่า1 % ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากปกติ ไม่เพียงพอเลย ดังนั้น การลงทุนในกองทุนที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าย่อมจะเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นต่อเรามากที่สุด แต่ไม่ควรไปลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยงสูง แต่ควรลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยงปานกลาง ถึงระดับต่ำ แต่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าไปฝากเงินปกติตามธนาคาร

 นี่คือตัวอย่างขั้นต่ำแบบคร่าวๆของสวนมะนาว 1 ไร่ เพื่อการขายส่งออก