ว่านชนิดนี้ มีปลูกและมีหัววางขายมาช้านานแล้ว โดยมีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เป็นไม้เถาเลื้อยพาดพันต้นไม้อื่น มีหัวใต้ดินขนาดใหญ่คล้ายหัวมัน หรือหัวว่านสบู่เลือด ผิวเปลือกหัวด้านนอกเป็นสีน้ำตาลเทา เนื้อในหัวเป็นสีขาว รสชาติมัน ลำต้นแทงขึ้นจากหัวสามารถไต่หรือเลื้อยได้ไกลเกินกว่า 5 เมตร ใบมีลักษณะคล้ายใบตำลึง มีแฉกลึกกว่า สีเขียวสด
ดอก ออกเป็นช่อหรือเป็นพวงตามซอกใบ กลีบดอกเป็นสีขาว และ ช่อดอกจะมีลูกอ่อนติดอยู่ด้วย มีตั้งแต่ขนาดเล็กจิ๋วไปจนถึงขนาดใหญ่เท่าไข่ไก่ โดยธรรมชาติของ “ว่านกิมเจ็ง” จะพบขึ้นตามป่าบนเขาสูงทั่วไป มักพบตามแหล่งที่เป็นดินปนทราย มีชื่อเรียกอีกว่า อีนูน, นางนูน และจีนเรียกว่า “กิมเจ็ง” ขยายพันธุ์ด้วยหัว
สรรพคุณทางยา ตำรายาไทยระบุว่า หัว ใช้เป็นยาเย็น แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้อาการเจ็บในลำคอ โดยให้เอาหัวสดหากเป็นหัวขนาดใหญ่ต้องผ่าแบ่งตามต้องการ ถ้าเป็นหัวขนาดเล็กไม่ต้องผ่าแบ่งต้มกับน้ำสะอาดให้ท่วมยาจนเดือด เคี่ยวให้น้ำงวดเหลือประมาณ 1 แก้วแล้วดื่มขณะยังอุ่น วันละ 1 แก้ว จะช่วยให้อาการที่กล่าวข้างต้นหายได้ เมื่อหายแล้วก็หยุดต้ม ดื่มได้ เป็นเมื่อไหร่จึงต้มดื่มอีกไม่อันตรายอะไร โดยตำราว่านระบุว่าก่อนดื่ม ให้เสกคาถา “นะโมพุทธายะ” 3 จบด้วย
ส่วนตำรายาจีน ใช้หัวสดปอกเปลือกเอาเฉพาะเนื้อในกะตามต้องการต้มกับเนื้อหมูไม่มีมันติดปรุงรสเล็กน้อยกินทั้งน้ำและเนื้อหัว “ว่านกิมเจ็ง” กับ เนื้อหมู เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกายได้ดีมาก